วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 แต่หากปีใดมีเดือนอธิกมาส หมายถึง มีเดือนแปด 2 ครั้ง วันมาฆบูชาก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4
ความสำคัญของวันมาฆบูชา
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประชุมพระสาวก ณ พระวิหารเวฬุวัน ในวันนั้นได้เกิดเหตุอัศจรรย์ประกอบด้วยองค์ 4 ซึ่งเรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” เหตุอัศจรรย์ดังกล่าว คือ
- เป็นวันพระขึ้น 15 ค่ำ ที่เรียกว่า “วันอุโบสถ” พระจันทร์เต็มดวง ดวงจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
- พระภิกษุ 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้มีการนัดหมายทางวาจา กล่าวคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงใช้ให้ใครไปเรียกมา แต่ต่างองค์ต่างรู้ด้วยญาณทัสสนะ ต่างองค์ต่างมาจากแต่ละทิศ
- พระภิกษุทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ทรงอภิญญา มีฤทธิ์ มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ ระลึกชาติได้ รู้ใจผู้อื่น
- พระภิกษุทั้งหมดเป็นผู้ได้รับการบวชแบบ “เอหิภิกขุอุปสัมปทา” หมายถึงการอุปสมบทโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานให้ด้วยพระองค์เอง ด้วยการตรัสว่า “จงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่ดีที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด”)
เมื่อพระภิกษุทั้งหมดมาประชุมพร้อมกันแล้ว พระบรมศาสดาทรงประทานโอวาทที่เรียกว่า “โอวาทปาติโมกข์” อันเป็นอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการ ในการเผยแผ่คำสอนของพระองค์ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
อุดมการณ์
คือ เป้าหมายสูงสุดของชีวิตชาวพุทธ และของชาวโลกทั้งโลก มี 3 ประการ ได้แก่
- ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา “ความอดทน คือ ความอดกลั้นเป็นตบะอย่างยิ่ง”
กล่าวคือ เกิดเป็นคนต้องอดทนจึงจะได้ดี ถ้าไม่ทนก็เอาดีไม่ได้ เพราะเมื่อเกิดมาก็เป็นทุกข์มาตั้งแต่เกิด เมื่อชีวิตเป็นทุกข์ก็ต้องทนอยู่สู้ต่อไป เพราะความอดทนเป็นเครื่องเผาผลาญกิเลสชั้นเยี่ยม
- นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา “พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม”
กล่าวคือ พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ทรงสอนเหมือนกันว่า พระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง ทนไปเถิด จะได้ไปพระนิพพาน ถ้าไม่ทน ก็ไม่ได้ไป
- นะหิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต “นักบวชผู้ฆ่าสัตว์อื่น เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อว่าสมณะเลย”
กล่าวคือ ขณะที่ไปยังไม่ถึงนิพพาน ให้สงบเสงี่ยมเจียมตัว อย่าไปทำบาปเพิ่มอีก เพราะมีกฎแห่งกรรมควบคุมอยู่ ถ้าก่อเวรเพิ่ม ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แสดงว่าไม่อดทน ถ้าไม่อดทนก็ไปไม่ถึงพระนิพพาน
หลักการ
คือ กฎเกณฑ์สำคัญของชาวพุทธ และของชาวโลกทั้งโลก ในการตัดสินใจว่า จะทำหรือไม่ทำอะไร ถ้าผิดหลักการก็ไม่ทำ แต่ถ้าไม่ผิดหลักการจึงค่อยทำ มี 3 ประการ ได้แก่
- สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง “การไม่ทำบาปทั้งปวง”
กล่าวคือ ไม่ทำบาปทุกชนิด จะบาปมากหรือน้อยก็ไม่ทำ เพราะมีกฎแห่งกรรมคอยบังคับอยู่ ดังนั้นจะทำอะไรในชีวิตต้องถามตนเองก่อนว่า “บาปไหม” ถ้าบาปก็ไม่ทำ
- กุสะลัสสูปะสัมปะทา “การบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม”
กล่าวคือ ความดีอะไรที่มีอยู่ในโลกนี้ ถ้ามีโอกาสต้องทำให้เต็มที่ เพราะความดีบางอย่าง ตัวเราเองก็ไม่มีโอกาสได้ทำ
- สะจิตตะปะริโยทะปะนัง “การทำจิตของตนให้ผ่องแผ้ว”
กล่าวคือ กลั่นจิตของตนให้ใสตลอดเวลา หมั่นนั่งสมาธิทุกวันไม่ให้ขาด เมื่อใจใสมากเข้าจึงจะเห็นพระนิพพานได้
วิธีการ
คือ แนวทางปฏิบัติตนอันเป็นคุณลักษณะที่ดีของชาวพุทธและของชาวโลกทั้งโลก มี 6 ประการ ดังนี้
- อนูปะวาโท “การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน”
กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องไม่ว่าร้าย ไม่โจมตี ไม่นินทาใคร เว้นจากความชั่วทางวาจา
- อนูปะฆาโต “การไม่เข้าไปล้างผลาญกัน”
กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องไม่ทำร้าย ไม่เบียดเบียน ไม่ทำให้ใครได้รับความเดือดร้อน เว้นจากความชั่วทางกาย
- ปาติโมกเข จะสังวะโร “การสำรวมในพระปาติโมกข์”
กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องสำรวมระวังในศีลและมารยาทให้ดี ต้องมีศีล 227 ข้อ
- มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง “ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร”
กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องรู้ประมาณในการบริโภค ต้องฉันโดยรู้จักประมาณ รับมาให้พอประมาณ รับมาแค่พอประทังชีวิต
- ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง “การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด”
กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเลือกนอน เลือกนั่ง ในที่สงบ จะได้มีโอกาสในการบำเพ็ญเพียร
- อะธิจิตเต จะ อาโยโค “การประกอบความเพียรในอธิจิต”
กล่าวคือ พระอรหันต์หรือพระอาจารย์ผู้เผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องรักษาใจให้ใสอยู่ตลอดเวลา โดยการทำสมาธิในทุกอิริยาบถ ทั้งยืน เดิน นั่ง และนอน
เมื่อเราได้เรียนรู้ความหมายและความสำคัญของวันมาฆบูชา เฉพาะที่เป็นหัวข้อหลักใหญ่มาแล้ว ดังนั้นจึงขอเรียนเชิญทุกท่าน ร่วมกันทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพร้อมเพรียงกัน